วิธีใช้ Chatbot ตอบแชทลูกค้าให้ขายดีขึ้น
ในยุคที่ความเร็วคือหัวใจสำคัญของการซื้อขายออนไลน์ ลูกค้าคาดหวังการตอบสนองที่รวดเร็ว ทันใจ ทักไปแล้วเงียบ หาย หรือตอบช้าเกินไป โอกาสที่เขาจะเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่นมีสูงมากเลยครับ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เราไม่สะดวกตอบแชท เช่น ตอนนอน ตอนเดินทาง หรือตอนกำลังวุ่นอยู่กับการแพ็คของส่งของ
สำหรับร้านค้าออนไลน์ โดยเฉพาะร้านที่กำลังเติบโตและเริ่มมีลูกค้าทักเข้ามาเยอะๆ การนั่งตอบแชทเองทุกๆ คำถามอาจจะกลายเป็นคอขวด ทำให้เสียเวลา เสียโอกาส และที่สำคัญคือเหนื่อยมากๆ ครับ ตรงนี้แหละครับที่ “Chatbot” หรือระบบตอบกลับอัตโนมัติ เข้ามาเป็นเหมือนฮีโร่ผู้ช่วย ที่ถ้าเราใช้เป็น มันจะช่วยให้ร้านเราทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย
หลายคนอาจจะคิดว่า Chatbot ก็แค่โปรแกรมตอบคำถามซ้ำๆ แต่จริงๆ แล้วมันมีศักยภาพมากกว่านั้นเยอะครับ และนี่คือวิธีที่เราจะใช้ Chatbot ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับร้านค้าออนไลน์ของเราครับ
Chatbot ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ “ขายดีขึ้น” ได้อย่างไร?
-
พร้อมตอบทุกเวลา (24/7 Availability): นี่คือข้อได้เปรียบหลักเลยครับ Chatbot ไม่เคยหลับ ไม่เคยป่วย ไม่เคยเหนื่อย ลูกค้าทักมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะตี 2 หรือ 8 โมงเช้า Chatbot ก็พร้อมให้ข้อมูลเบื้องต้นทันที ความรวดเร็วนี้สร้างความประทับใจให้ลูกค้า และป้องกันการสูญเสียโอกาสในการขายที่เกิดจากการตอบช้า
-
คัดกรองและให้ข้อมูลพื้นฐาน (Handling FAQs & Basic Inquiries): คำถามยอดฮิตอย่าง “ราคาเท่าไหร่?”, “มีไซส์/สีอะไรบ้าง?”, “ค่าส่งกี่บาท?”, “โอนเงินช่องทางไหน?” คำถามพวกนี้ Chatbot ตอบได้สบายๆ ครับ การให้ Chatbot จัดการคำถามเหล่านี้ ช่วยลดภาระงานของเรา ทำให้เรามีเวลาไปโฟกัสกับคำถามที่ซับซ้อนกว่า หรืองานอื่นๆ ที่ต้องใช้การตัดสินใจของคนจริงๆ
-
นำทางลูกค้าสู่การตัดสินใจซื้อ (Guiding the Customer Journey): เราสามารถตั้งค่า Chatbot ให้นำเสนอข้อมูลสินค้าที่น่าสนใจ แนะนำโปรโมชั่นปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งส่งลิงก์ตรงไปยังหน้าสินค้าในร้าน หรือตะกร้าสินค้า เพื่อให้ลูกค้ากดสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มันช่วยลดขั้นตอนและทำให้การซื้อราบรื่นขึ้น
-
เก็บข้อมูลลูกค้าเบื้องต้น (Gathering Initial Customer Information): Chatbot สามารถสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากลูกค้าได้ เช่น ลูกค้าสนใจสินค้าประเภทไหน ต้องการสอบถามเรื่องอะไร หรือขอชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ เพื่อให้เราติดต่อกลับในภายหลัง ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ในการนำไปปิดการขายต่อโดยคน หรือนำไปวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า
-
รักษามาตรฐานการบริการ (Ensuring Consistency): Chatbot ที่ได้รับการตั้งค่าอย่างดี จะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกครั้งที่ลูกค้าสอบถาม ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการที่คนตอบรีบๆ แล้วให้ข้อมูลผิดไป ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับใช้ Chatbot ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและช่วยเพิ่มยอดขาย:
-
วิเคราะห์คำถามที่ลูกค้าถามบ่อยที่สุด: ก่อนจะเริ่มตั้งค่า Chatbot ให้รวบรวมประวัติการแชทของลูกค้าดูว่าคำถามแบบไหนที่ถูกถามซ้ำๆ บ่อยๆ เริ่มจากคำถามเหล่านี้ก่อนครับ
-
ออกแบบ Flow การสนทนาที่เป็นธรรมชาติ (Conversation Flow): อย่าทำให้ Chatbot ดูเป็นหุ่นยนต์เกินไป พยายามใช้ภาษาที่เป็นมิตร มีการทักทาย ถามชื่อลูกค้า (ถ้าทำได้) และมีการให้ตัวเลือกแก่ลูกค้า เช่น มีเมนูให้เลือกคำถามที่สนใจ หรือมีปุ่มให้กดดูสินค้า
-
แจ้งลูกค้าว่ากำลังคุยกับ Chatbot: ควรมีข้อความแจ้งให้ลูกค้าทราบตั้งแต่แรกว่าพวกเขากำลังคุยกับระบบอัตโนมัติ เพื่อตั้งความคาดหวังให้ถูกต้อง และลดความหงุดหงิดหาก Chatbot ไม่เข้าใจคำถามที่ซับซ้อน
-
เตรียมพร้อมสำหรับการ “โอนสาย” ให้คน (Human Hand-off): Chatbot ไม่สามารถตอบคำถามได้ทุกรูปแบบ หากมีคำถามที่ซับซ้อน ต้องใช้การตัดสินใจ หรือลูกค้าต้องการคุยกับคน ควรมีระบบที่แจ้งเตือนมาที่เรา และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกที่จะคุยกับแอดมินได้ทันที
-
อัปเดตข้อมูลใน Chatbot สม่ำเสมอ: ราคาสินค้าเปลี่ยน สินค้าหมด โปรโมชั่นใหม่ อย่าลืมเข้าไปแก้ไขข้อมูลใน Chatbot ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ข้อมูลที่ผิดพลาดสร้างความสับสนและเสียความน่าเชื่อถือได้ง่ายมากๆ
-
ใช้ Chatbot เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ หรือสินค้าเด่น: ตั้งค่าให้ Chatbot นำเสนอข้อมูลโปรโมชั่น หรือสินค้าใหม่ๆ แก่ลูกค้าที่ทักเข้ามา เป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้อีกทางหนึ่ง
-
ตรวจสอบประสิทธิภาพและปรับปรุง (Monitor & Optimize): ลองเข้าไปดูรายงานการสนทนาของ Chatbot เป็นประจำ ว่ามีคำถามไหนที่ Chatbot ตอบไม่ได้บ่อยๆ หรือลูกค้ามีท่าทีไม่พอใจตรงไหน เพื่อนำมาปรับปรุงการตั้งค่าให้ Chatbot ฉลาดขึ้นและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
Chatbot ไม่ได้มีไว้เพื่อลดงานคนเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่มันคือเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบลูกค้า ทำให้ลูกค้าได้ข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็ว สร้างประสบการณ์ที่ดี และที่สำคัญคือช่วยปลดล็อกเวลาของเราไปโฟกัสกับการวางแผนกลยุทธ์ คิดค้นสินค้าใหม่ๆ หรือทำสิ่งอื่นๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้จริงๆ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับ Chatbot ของร้านคุณดูนะครับ รับรองว่ายอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอน!